วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Pilot Shaker H1010

ย้ายบ้านใหม่ครับ ตามมาที่ www.pencil2pens.com

แล้วผมก็มีโอกาสเขียนดินสอกดแบบเขย่า Pilot Shaker ซึ่งเป็นหนึ่งในเบญจภาคีที่ต้องมีครับ

ตอนนี้ก็เวลาใกล้จะเที่ยงคืนแล้วครับ แปลกดีนะครับอยู่ๆก็อยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาครับ น่าจะเสร็จตอนดีหนึ่ง นะครับ เค้าบอกว่าถ้าอยากจะเป็นนักเขียนที่ดี อารมณ์มาเมื่อไรให้รีบเขียนทันที จะได้ลื่นไหน จะบ้าตายมามีอารมณ์ตอนจะเที่ยงคืนนี่นะ555 ผมไม่อยากจะบอก ผมเขียนเรื่อง Pilot shaker รอบนี้มาเป็นรอบที่สามแล้ว สองรอบแรกเขียนแล้วไฟดับทั้งสองรอบไม่ได้ copy ไว้อาถรรพ์กันจริงๆเลย ขอให้บทความนี้มีคนชอบด้วยเถิดเพี้ยงๆ


จริงแล้วทำไมรุ่นนี้จึงเป็นหนึ่งในเบญจภาคี เพราะ Pilot shaker เป็นดินสอกดรุ่นแรกที่ผลิตระบบเขย่าออกมาเมื่อ10กว่าปีก่อน จึงเป็นดินสอกดแบบแรกที่ใช้ระบบเขย่า หรือ เรียกว่าดินสอระบบเขย่าที่กดได้ด้วย งงไหมละ แต่ก่อนใครมี Rotring ต้องมี Pilot ตัวนี้ด้วยครับ เพราะอะไรเหรอครับมันเท่ห์พอๆกันจะเป็นรองในเรื่องชื่อชนชั้นวรรณะซักหน่อย เกิดในเยอรมันกับญี่ปุ่น บางทีเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราก็เป็นคนดีได้ สาธุ สาธุ สาธุ

เรื่องยังไม่จบแค่นั้นครับมีคนมาถามอีกว่าPilot ก็ผลิตรุ่นเขย่ามาก็หลายรุ่นทำไมต้องเป็นรุ่นนี้ คนถามน่าจะว่างมากนะครับ คนกำลังรีบไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนกี่โมงละครับ 

ผมว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่สวยที่สุดของ Pilot เลยทีดียวถ้าไม่นับรุ่น Pilot sprinter ว่างๆจะมารีวิวรุ่นให้ครับ


                                                           Pilot sprinter


Pilot Shaker สวยยังไงเหรอ ลองมองไปที่เธอสิแล้วจะเข้าใจ หัวดินสอดูอ่อนช้อยเรียวงามเหมือนขาของนางแบบก็ไม่ปราณ ด้ามจับอวบอิ่มได้รูปน่าสัมผัสยิ่งนัก เสื้อผ้าคาดสีเหลืองแต่พองามบ่งบอกถึงสาวทันสมัย เมื่อคุณตกหลุมรักเธอแล้วเธอจะไม่ยอมปล่อยมือจากคุณ ( ผมหมายถึงคลิปที่หนีบดินสอนะแข็งแรงเวลาพกแล้วไม่หล่นง่าย) อย่าหาว่าผมโรคจิตเลย ผมก็แต่งงานแล้ว มีลูกตั้งสองคนแหนะ

รุ่นนี้เป็นรุ่นสองต่อจากรุ่นแรก รุ่นแรกเท่าที่จำได้รหัสจะลงท้ายด้วย 50 แต่รุ่นนี้ที่ผมได้จาก Singapore พอดีไปหาลูกค้านะครับไม่ได้ตั้งใจบินไปซื้อดินสอแท่งเดียวถึงผมบ้าก็มีขอบเขตครับ รุ่นนี้รหัส H-1010 ราคาประมาณ 320 บาทไทย ราคาก็พอๆกับสมัยก่อนครับ แต่เท่าที่จำได้รุ่นแรกจะหนักกว่านี้ แล้วหัวดินสอจะสั้นกว่านี้ แต่จำไม่ได้ว่าหัวไส้ดินสอเป็นแบบหุบเก็บเข้าไปได้ไหมแต่รุ่นที่ผมได้มาใหม่หัวดินสอสามารถหดได้เพื่อป้องกันเวลาหล่นไม่ให้หัวไส้ดินสอพัง เวลาพกก็อย่าลืมเก็บห้วไว้นะครับ เดี๋ยวเธอจะเห็นหัวงูของคุณ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ที่จริง ผมมี Pilot shaker รุ่นแรกด้วยครับแต่เธอหายไปกับน้ำตอนน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพ ไม่รู้ป่านนี้เธอเป็นอย่าไรบ้างนะครับ 

ใครมีPilot shaker รุ่นแรกว่างๆก็มาคุยกันนะครับ ผมอยากถ่ายรูปเอามาเปรียบเทียบครับ

มาถึงตอนรีวิวกันแล้วครับพูดมาซะนานเลย




Pilot shaker รุ่น H-1010 มีรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ด้วยครับ  รุ่นเก่าตัวหัวกลไกจะเป็นทองเหลืองทั้งหมด ลองดูในภาพนะครับ แล้วหัวกลไกจะหมุนยึดโดยตรงหัวดินสอเลย รุ่นใหม่หน่อยที่ผมได้มาหัวกลไกจะมีส่วนพลาสติกผสมแล้วหัวดินสอจะหมุนยึดกับตัวด้ามของดินสอ รุ่นเก่าไส้ดินสอจะหักง่ายเนื่องจากหัวกลไกไม่ได้ติดกับตัวด้ามดินสอทำให้ขยับได้เวลาเขียน แต่ถ้ารุ่นเก่าที่ลงท้ายด้วย รหัส 50 ไม่เป็นครับใช้ทนและไส้ไม่หัก ในภาพตัวบน รุ่นเก่า ตัวล่างรุ่นใหม่กว่า

ลองดูส่วนประกอบที่ลองถอดออกมานะครับ มียาลบที่หัวกดมาให้ด้วยครับแต่ไม่มีเข็มไว้แทงถ้าไส้ดินสอตัน


การทำงานระบบ Shaker เค้าจะมีปลอกสแตนเลสที่จะเคลื่อนตัวขณะที่เขย่ามากดที่หัวกลไกของดินสอทำให้ไส้ไหลออกมาหรือเรากดจากด้านท้ายของดินสอก็ได้ครับ ถ้าเปรียบเทียบกับ Mono graph ที่เป็นระบบเขย่าเหมือนกัน Pilot เสียจะนุ่มกว่า และมีระยะของการเคลื่อนตัวของปลอกสแตนเลสได้ยาวกว่าทำให้การเขย่าหนึ่งครั้งไส้ดินสอของ Pilot จะออกมายาวกว่าของ Mono graph ผมชอบเสียของ Pilot ครับมันหวานกว่า ท่าทางผมจะเป็นเอามากนะครับ ก็คนมันรักนิ


น้ำหนักเบาครับแต่ก็ชดเชยด้วยการจับที่มั่นคงและถนัดมือมาก ปกติผมชอบดินสอที่มีน้ำหนักหน่อยแต่Pilot รุ่นนี้ทำให้ผมลืมเรื่องน้ำหนักไปเลย แต่ตัวนี้ถึงเบาแต่ก็ชอบครับเพราะน้ำหนักสมดุลดี ทำให้เขียนคล่อง ผู้หญิงน่าจะชอบรุ่นนี้นะครับเพราะน้ำหนักเบาครับ

วัสดุและการออกแบบ วัสดุดูดีมากครับ รูปทรงแบบถังเบียร์เป็นเอกลักษณ์ชองรุ่นนี้เค้าเลย มีสีเหลืองคาดตรงกลางกับหัวกด ทำให้ดูทันสมัยและไม่เรียบจนเกินไป

ลองดูดีๆนะครับ รุ่นนี้จะมีหัวดินสอที่ยาวมากครับ ลองเทียบกับ Mono Graph ดู หัวสูงแบบนี้ใครจะชอบ ไอ้พวกหัวชั้นสูง แต่ผิดคาดครับคนที่ทำงานเขียนแบบชอบครับ เพราะเค้าใช้อุปกรณ์ในการเขียนแบบเข่นไม้สามเหลี่ยมและอื่นๆได้ถนัดขึ้นครับ ความรู้สึกเวลาเขียนหัวดินสองสูงๆแบบนี้จะเหมือน Rotring Tikky รุ่นหนึ่ง จบแค่นี้ก่อนนะครับตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วครับ


ก่อนจะจบนะครับ ผมว่าบางทีเมื่อมีคนมากดเพจผมมากขึ้นผมอาจจะต้องซื้อดินสอกดรุ่นต่างๆมาแจกสมาชิกกัน แต่ช้าก่อน แจกแต่จ่ายทีหลังนะครับ ผมไม่ใช่จะรวยอะไร หรือจะเปิดร้านเครื่องเขียนดีเลยมะ

ผมว่ากลุ่มคนที่สะสมดินสอกดในบ้านเรามีไม่มากนะครับ พอตลาดไม่ใหญ่พอก็ไม่ใครสนใจพวกเราหรอกครับ ไม่เหมือนญี่ปุ่นครับมีของให้เล่นมากมายครับ ผมว่าการสะสมอะไรเป็นงานอดิเรกเล่นคนเดียวไม่สนุกต้องมีคนเล่นกับเราด้วยนะแล้วคุณละเริ่มชอบดินสอกดรึยังครับ!!












วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เรื่องต่อจากปากกาที่ใช้ใน Apollo 7 ( รัสเซียใช้ดินสอแต่อเมริกาลงทุนมหาศาลเพื่อปากกา)


เรื่องต่อจากปากกาที่ใช้ใน Apollo 7

บทความเรื๋องปากกาที่ใช้ใน Apollo 7 คลิกที่นี่นะครับ

บทความต่อจากครั้งที่แล้ว ที่ผมทิ้งท้ายว่าสหรัฐทุ่มเงินมหาศาลเพื่อทำปากกาที่เขียนได้ในอวกาศที่ปราศจากแรงโน้มถ่วงและรัสเซียแก้ปัญหาง่ายๆโดยการใช้ดินสอแทนเป็นเรื่องเล่ากันมานาน ทำให้ผมต้องค้นคว้าเพิ่มเติมเพราะผมคิดว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นที่เราไม่รู้ แล้วผมก็พบว่าเป็นเรื่องจริงแค่บางส่วนโดยมีเหตุผลอยู่ข้างหลังที่ไม่มีใครเอามาพูดกัน

- ปัญหาที่ จริงก็คือหลังจากที่ยาน Apollo 1 เกิดระเบิดขึ้นทางนาซ่าก็ไม่อยากให้นักบินอวกาศนำวัสดุ อะไรที่ติดไฟง่ายขึ้นไปในยานอวกาศ ดินสอนี่ติดไฟได้ง่ายสุดๆเลยครับเค้าเลยคิดปากกที่จะมาแทนที่ ดินสอครับ

- ไส้ดินสอหักได้ง่ายหรือมีเศษไส้ดินสอจากการเขียนด้วย แล้วสภาพแบบไร้แรงโน้มถ่วงแบบนี้ อาจทำให้อุปกรณ์ในห้องควบคุมเสียหายถ้าไส้ดินสอหัก เช่น    ไฟฟ้าช้อตได้ หรือทำอันตรายให้กับนักบินได้ เข่นเข้าตา เข้าจมูก เป้นต้น

- ฝุ่นที่เกิดขึ้นจากแกรไฟต์ก็เป็นอันตรายต่อระบบกรองอากาศในห้องนักบิน

- เวลาจะเหลาดินสอ จะทำอย่างไร? ต้องมีเครื่องเหลาดินสอพิเศษที่จะเก็บส่วนที่เหลือจากการเหลาออกมาและอยู่ในระบบปิด สงสัยต้องลงทุนวิจักอีกหลายล้านดอลลาร์อีกมั้ง

- แล้วแรงที่ใช้กดดินสออีกละ เพราะไร้น้ำหนักคงต้องออกแรงกดมากหน่อยทำให้เขียนไม่ลื่นไหลและไม่ค่อยถนัด ข้อนี้ผมเดานะครับ ค้นคว้ามาไม่มีข้อนี้





เวลาเรามองปัญหาต้องมองในภาพมุมกว้าง ถ้าเราแก้ปัญหาอย่างหนึ่งแล้วทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาอีกมากมายแสดงว่าเราแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้แก้ปัญหาแบบยั่งยืน

เรื่องเล่านี้ถูกหยิบยกมาเป็น case study มากมาย แต่มีซักกกี่คนที่ฉุกคิดแล้ว หาข้อมูลเพิ่ม 

คุณจะเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือเห็นในสิ่งที่เชื่อ อ่านดีๆแล้วจะเข้าใจในความหมายที่ผมเขียนนะ

ก่อนที่ผมจะจบลองมาคิดเล่นๆนะครับ 

มีโรงงานอยู่โรงงานหนึ่งมีปัญหาในการบรรจุสบู่เข้ากล่อง 

ปัญหาคือบางครั้งเครื่องก็จะมีปัญหาไม่บรรจุสบู่ก้อนเข้าไปในกล่อง ทำให้มีกล่องที่ไม่มีสบู่สบู่ส่งไปถึงมือลูกค้า

วิธ๊แก้ปัญหาคือ

คนแรกคิดว่า ต้องใช้ sensor ตรวจจับแล้วต้องออกแบบสายการผลิตใหม่ แบบนี้เสียเวลามาก

คนสองคิดว่า ก็ชั่งน้ำหนักของแต่ละกล่องใหญ่เอาเช่น สบู่24ก้อนใส่ในกล่องใหญ่เอาไปชั่ง ถ้าน้ำหนักขาดแสดงว่าในกล่องนั้นต้องมีกล่องสบู่เปล่า อันนี้ก็เสียเวลาไม่มากแค่ลื้อกล่องออกแล้วหากล่องสบู่เปล่าเอา

คนสุดท้ายบอกว่า ใช้พัดลมเปล่าเอา เวลาที่สบู่ถูกบรรจุลงในกล่องแล้วไหลมาจากสายพานก่อนที่จะบรรจุลงในกล่องใหญ่ให้ตั้งพัดลมไว้ ถ้ากล่องไหนไม่มีสบู่จะเบาแล้วจะถูกลมเปล่าให้กล่องตกลงมาจากสายพาน


ลองคิดูนะครับว่าชอบแบบไหนแล้วทำได้จริงไหม เพราะผมไม่รู้และไม่ได้จบวิศวะ ที่สำคัญผมพึ่งแต่งเรื่องขึ้นมาทั้งหมดมาซักครู่เอง หวังว่าเรื่องนี้จะไม่มีใครมาเล่าให้ผมฟังอีกเหมือนเรื่องของปากกาของสหรัฐกับรัสเซีย  ใครอยากเอาไปใช้ก็เชิญ จบละ555


วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Fisher Space pen (ปากกาที่ใช้ใน Apollo 7)

ย้ายบ้านใหม่ครับ ตามมาที่ www.pencil2pens.com

วันนี้ผมมีปากกาอีกด้ามหนึ่งที่นักสะสมต้องมีเก็บไว้ ปากกาที่ใช้ใน Apollo 7

พอผมจั่วหัวแบบนี้ ทุกคนต้องร้อง Oh my goodness พระเจ้าช่วยกล้วยทอด น่าเก็บจริงๆแต่ เดี๋ยวก่อนแล้วราคาละน่าจะแพงใช้มะ ถ้าผมบอกว่าแค่ 2,000 บาท หรือ 58 เหรียญ ทุกคนจะหาว่าโม้แต่เป็นเรื่องจริง น่าสนใจไหมละตามผมมา




AG7 original model


ปากการุ่นที่ว่านี้ ชื่อ ว่า AG7 ผลิตโดยบริษัท Fisher Space pen กดที่นี่ครับ  เพื่อที่จะตามไปดูที่ web site ได้เลยครับ ถามว่าผมเคยมีไหมตอบเคยมี แต่ทำหายตอนกลับมาจากอเมริกา งานสวยใช้ได้ตัวปากกาทำจากทองเหลืองแล้วชุบโครเมี่ยมอีกที ว่าจะสั่งใหม่อยู่ใครอยากได้เดี๋ยวร่วมกันสั่งด้วยกันครับ 

ปากกานี้เกิดจากการที่ เจ้าของชื่อ Paul Fisher ได้เริ่มผลิตไส้ปากกาแบบ Ball pen ออกขาย แต่ปัญหาคือ ไส้ปากกามีหลายขนาดทำให้เจ้าของร้านต้องเก็บสต้อกไว้หลายขนาด รวมทั้งขนาดหัวปากกาก็มีหลายขนาดด้วย ในปี 1953 Paul ได้ผลิตไส้ปากกาที่สามารถตัดความยาวออกได้ และได้เป็นที่นิยมอย่าแพร่หลาย มีตัวตัดไส้ปากกาแถมมาให้ด้วยในแต่ละpackageนะครับ 


ไส้ปากกาที่สามารถใช้กับปากกาได้หลายขนาด

ต่อมา Paul ก็ไม่ได้หยุดพัฒนา เค้าได้พัฒนาหมึกที่ชื่อว่า Thixotropic ink อาจจะดูเทคนิคหน่อยๆ ใครจบวิทยาศาสตร์แบบผมจะอธิบายแบบง่ายหรือแบบยากๆก็ได้ หมึกที่ว่านี้เป็นสารแบบกึ่งของเหลวจะมีลักษณะที่ข้นเหนียวเมื่อไม่มีแรงมากระทำ แต่เมื่อเขย่าหรือสั่นหมึกก็จะเหลวขึ้นและไหลได้ง่ายขึ้น  เอาแบบอธิบายง่ายๆละกันเคยได้ยินโฆษณา "แม่ๆเทซอสมะเขือเทศไฮนซ์ให้หน่อยครับ"ไหมแบบเดียวกันตอนแรกเทมะเขือเทศจะไม่ไหลออกมาเพราะเหนียวมาก แต่หลังจากเขย่าหรือเคาะเค้าความเหนียวจะน้อยลงและไหลง่ายขึ้น

ไปซะไกลเลยกลับมาเข้าเรื่องเรื่องกันดีกว่า ที่ต้องทำหมึกแบบนี้ข้อดีคือ หมึกไม่เลอะหรือเยิ้มออกมา แต่ปัญหาคือหมึกก็ไหลไม่คล่องด้วย ตาPaulเลยบอกว่าต้องอัดแก๊สเข้าไปเพื่อดันหมึกให้ไหลออกมา เค้าเลยใช้ หัว Ball ทำหัวปากกา เมื่อเรากดลูกBallที่หัวปากกา หมึกก็จะถูกแรงกระทำ ทำให้หมึกเหลวขึ้นและไหลได้สะดวกขึ้นด้วย แจ๋วไหมละ ลองมาดูภาพหลักการข้างล่างหน่อยนะครับ ใครแปลได้ก็อ่านละกัน ใครแปลไม่ได้ก็ดูรูปเอา ก็ผมก็อธิบายไว้ข้างบนแล้ว จะAECกันอยู่แล้วต้องฝึกฝนนะครับ 555




สุดท้ายตา Paul ได้ใช้ก้าชไนโตรเจนครับ เพราะเป็นแก๊สเฉื่อย ไม่ทำปฎิกิริยากับโลหะรวมทั้งหมึกด้วยทำให้หมึกสามมารถอยู่ได้นานกว่า 100 ปี แบบตายไปแล้วเกิดมายังใช้ต่อได้อีก555  

ปากกานี้สามารถใช้ได้ที่อุณหภูมิ -30 F - 250 F คือสามารถใช้กับอุณหภูมิหนาวจัด จนร้อนจัด แบบไม่มีปัญหา แล้วที่สำคัญยังเขียนได้แม้ปราศจากแรงโน้มถ่วงด้วยครับ หรือเขียนในน้ำก็ได้ครับ ถ้ากระดาษไม่ขาดซะก่อน จะนั่งเขียนนอนเขียนตีลังกาเขียนก็ไม่มีปัญหาจริงๆนะ!


The Fisher Space Bullet Pen writes underwater.

ขณะนั้นสหรัฐอเมริกากำลังทดลองทำปากกาที่ใช้ในอวกาศที่ปราศจากแรงโน้มถ่วงเพราะหมึกไม่สามารถไหลในอวกาศที่ปราศจากแรงโน้มถ่วงได้นะครับ โดยสหรัฐใช้เงินประมาณ หนึ่งแสนเหรีญในการวิจัยแต่ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งตอนนั้นยาน  Murcury กับ Gemini ยังใช้ดินสออยู่ สุดท้ายบริษัท Fisher Space pen ก็ได้ผลิตและจดสิทธิบัตรสำเร็จในปี 1965 ก็คือรปากการุ่น Anti Gravity pen รุ่น AG7 by Paul Fisher  หลังจากนั้น นาซ่าก็ได้ นำไปทดลองแล้วได้นำมาใช้ในยาน อวกาศ Apollo 7 ในปี 1968 หลังจาก Paul ได้จดสิทธิบัตรมาสองปี

Paul ใช้เงินลงทุนไปทั้งหมด1ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาปากกาที่เขียนได้ในที่ไร้แรงโน้มถ่วง แล้วNASA ได้สั่งปากกาจาก Pual จำนวน 400 ด้ามในปี 1967 ที่ราคา 2.95 ดอลลาร์ต่อด้าม คุ้มไหมเนี่ยกับเงินที่ลงทุนอะ

เข้าไปดู ใน Fisher Space pen มีหลายรุ่นให้เลือกครับ แต่จะให้ได้กลิ่นไอแท้ๆก็ต้อง รุ่น AG 7 รุ่นเดียวเท่านั้น คลิกเลยครับ

ผมขอสรุปอีกทีนะครับข้อดีของปากกานี้ครับจากการค้นคว่ามาเพิ่มเติมนะครับ

1.สามารถใช้ในภาวะที่หนาวจัดจนถึงร้อนจัดได้โดยไม่มีปัญหา ปกติถ้าหนาวจัดปากกาจะเขียนไม่ออกหมึกจะแข็งตัว

2.เค้ามีการทดลองไปเขียนในกระดาษที่เปียกน้ำ ทำได้ดีกว่าปากกาทั่วไป เพราะมีแรงดันทำให้หมึกไหลออกสม่ำเสมอ

3. มีการทดลองเขียนในกระดาษที่จุ่มน้ำมันพืช ก็ยังเขียนได้ดีอยู่

4.สำหรับคนที่เขียนแบบปากกาอยู่ในแนวนอนหรือหัวปากกาชี้ขึ้นฟ้าแบบไม่ต้องอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกหมึกก็ไหลได้ดี เช่นสมมุติแบบตลกๆนะครับกำลังปีนเขาอยู่อยากจะจดบันทึกอะไรขึ้นมาไม่มีกระดาษรองจะกดปากกาแรงๆก็ไม่ได้แล้วตัวเรายังขนานกับพื้นอีกเวลาเขียนหัวปากกายังชี้ฟ้าอีกนะครับ555 


5. ลองคิดดูเล่นๆแล้วเอาไปประยกต์ดูนะครับ...

ถ้ายังไม่อยากซื้อก็มีแบบแก้ขัดไปก่อน พอจะมีปากกา Parker ไหมถ้าไม่มีก็ไม่ต้องมาคุยกันผมโกรธจริงๆนะจะเป็นคนสะสมดินสอกับปากกาทั้งที ไม่ให้ผมบ่นได้ไง ล้อเล่นนะครับ ถ้ามีปากกาParker เค้าก็มีไส้ปากกาแบบ Space penที่เขียนได้บนอวกาศ ก็เหมือนได้ไปเหยียบดวงจันทน์แบบครึ่งตัวละ ราคาแค่ 6 ดอลลาร์เอง 


ไส้ปากกาที่สามารถใช้กับปากกา Parker ได้ครับ

ช้าก่อนก่อนจะจบ จะจบแบบนี้ก็ไม่ใช่ผมสิ เดี๋ยวตอนหน้าผมจะมาเขียนเรื่องตำนานที่สหรัฐกับรัสเซีย เกี่ยวกับดินสอกับปากกาที่สหรัฐลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อผลิตปากกาที่ใช้ในอวากาศที่ไม่มีแรงโน้มถ่วงแต่รัสเซียกับแก้ปัญหาโดยใช้ดินสอ เรื่องราคาที่ทำการวิจัยก็ผิดแล้วตามที่ผมเขียนข้างบน แล้ว เรื่องจริงเป็นยังไงละ ตามอ่านฉบับหน้านะตัวเอง555 คลิกที่นี่ครับ

รุ่นพิเศษครบรอบปีต่างๆ






วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อาชีพเหลาดินสอ

ย้ายบ้านใหม่ครับ ตามมาที่ www.pencil2pens.com


มาดูอาชีพแปลกๆกันดีกว่าครับ อาชีพเหลาดินสอ


ผมว่าเป็นอะไรที่น่าขำมาก ที่จะมีอาชีพนี้ขึ้นมาได้ หลายคนอาจจะมาบอกว่าเป็นอาชีพที่เหลวไหล แต่เค้าก็หลงรักมันและเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง หรือ ใครจะหัวเราะเขาก็ตาม

DavidRees

ค้าชื่อ David Thomas Rees หรือเรียกเค้าง่ายๆว่า เดวิดรีส แต่ก่อนเค้าเป็นนักเขียนการ์ตูน ประชดประชัน แล้วเค้าก็เคยทำงานบริษัทเกี่ยวกับสำหรวจแแบบสอบถามมาก่อนด้วย เค้าเลยคุ้นเคยกับการใช้ดินสอมาตลอด แล้วเขาค้นพบว่าเขามีความสุขทุกครั้งที่ทำการเหลาดินสอ
งานการ์ตูนที่ Devid เขียน

เดวิดเลิกเขียน Political cartoonist ตอนปี 2009 แล้วประกาศตัวเองมาเป็น Artisanal Pencil Sharpening

เค้าเริ่มต้นที่รับเหลาดินสอที่ราคา 15 เหรีญอเมริกาต่อแท่งจนในปัจุบัน 40 เหรีญต่อแท่ง แต่เดิมเดวิดจะให้ส่งดินสอที่จะให้เหลามาให้เค้า แต่ในปัจุบันเค้าจะมีดินสอให้ด้วยครับ เพราะเค้าบอกว่าดินสอที่ให้มาบางทีคุณภาพไม่ดีไม่คุ้มที่จะเสียเงินมาเหลา

222

ปัจุบันเขาเหลาดินสอมากว่า 800 แท่ง ได้เท่าไรเอา 800x1300บาท ดินสอที่ส่งไปให้เค้าเหลาจะมีใบ Cetificate ให้ด้วย พร้อมกล่องและปลอกกันกระแทกตามไปดูได้ที่วีดีโอข้างล่างนะครับ







ปัจจุบันเค้าใช้ดินสอของ Palomino Blackwing 602 ที่ใช้สำหรับเหลาแล้วส่งให้ลูกค้า ผมไม่อยากจะเชื่อเลยครับ เค้าได้ออกหนังสือวิธีการเหลาดินสอเอาไว้ด้วย เล่มละประมาณ 20 ดอลล่าร์  ผมตามไปดูบทสัมภาษณ์ของเค้าผมว่าเค้าดูนิสัยแปลกๆอยู่ แต่เค้าก็อออกหลายรายการอยู่นะครับ มีอยู่ตอนหนึ่งมีคนถามเขาว่าดินสดกดในมุมมองของคุณเป็นอย่างไรเค้าบอกว่าห่วยมาก "fuck you" เค้าบอกให้ไปหาอ่านหนังสือของเค้าที่บท11 เรื่องดินสอกด แล้วหน้านั้นไม่ได้เขียนอะไรเลย เพียงแค่บออกว่าห่วยมาก "bull shit" 555



หลังจากดูวีดีโอจบ ผมว่าวิธีการเหลาก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก เทคนิคแค่เหลาไม่ให้โดนไส้ดินสอแกร์ไฟต์ เพราะมันจะทำให้ไส้เปราะแล้วใช้กระดาษทรายละเอียดขัดอีกทีให้แหลม ถ้าจะมองในแง่ศิลปะก็ได้เพราะแต่ละแท่งเหลาก็ไม่เหมือนกัน แล้วคนส่วนใหญ่ก้เก็บไว้เป็นที่ละลีก ดินสอที่เขาเหลาแล้วส่วนมากก็ไม่ได้มาใช้ลูกค้าจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกมากกว่า ด้วยเพราะเค้าแปลกและเป็นเจ้าเดียวที่ทำและไม่น่าจะมีใครทำเลียนแบบ555 เขาถึงถูกพูดถึงทั้งทางที่ดีและไม่ดี อย่างน้อยโลกก็รู้ว่าเขามีตัวตน555



ผมได้คิดว่าบางทีเราทำอะไรก้ตามต้องมีความเชื่อและยืนหยัดนานพอ เราจะหมุนตามโลกหรือให้โลกหมุนตามเรา ว่ามา!


คนรักดินสอ
www.facebook.com/pencil2pen
http://pencil-pens.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Blackwing 602 ดินสอที่ดีที่สุดในโลก

ย้ายบ้านใหม่ครับ ตามมาที่ www.pencil2pens.com

ดินสอที่ดีที่สุดในโลก

ผมสะสมดินสอกดมามากและ อยู่ๆก็สงสัยว่าจะมีดินสอที่ไม่ใช่ดินสอกดแบบธรรมชาติที่ดีที่สุดในโนสามโลกไหมก็ลองหาข้อมูลดูว่าจะซื้อซักแท่ง แล้วผมก็เจอจนได้ ดินสอ Blackwing 602 "Half pressure, Twice speed"

หมายถึง ใช้แรงกดแค่ครึ่งเดียว เขียนเร็วได้สองเท่า คุณสมบัติน่าใช้ทีเดียว พอหาข้อมูลลึกกันเข้าไปอีกปรากฎว่ามีประวัติยาวนานมาก มีนักเขียน นักแต่งเพลง และนักเขียนการ์ตูน ต่างหลงไหลและถวิลหา 

สุดท้ายลองหาใน อ่าว Ebay ถึงกับจะเลิกสะสมกันไปเลยทีเดีย ราคาหนึ่งโหล เคยมีราคาสูงสุดถึง 800 เหรียญต่องกล่องสมัยก่อนขายแค่แท่งละ 50 เซ็นต์ แต่ผมมีข่าวดีมาบอกเค้าผลิตออกมาใหม่แล้วนะครับ ในชื่อของ Palomino Blackwing 602 ตามคำเรียกร้อง ราคาแค่ 20 เหรียญ ต่อกล่อง หาซื้อในอเมซอนก็ได้นะครับ ใครชอบอะไรที่ดีที่สุดในโลกก็น่าจะสะสมไว้นะครับ วันหนึ่งเค้าอาจจะไม่ผลิตอีกแล้ว ช่างนี้กระแส tablet มาแรงกันเหลือเกิน




แต่เค้าจะมีขายอยู่สองรุ่นนะครับ มี  

1. Blackwing 602- firm and smooth, half the pressure, twice speed ดินสดสีเทายางลบสีดำกดซื้อ ได้ที่amazon


2. Blackwing-soft and smooth ดินสอสีดำยางลบสีขาว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ palomino blackwing 602ผมกำลังจะสั่งซื้อมาเก็บไว้ซักกล่องหนึ่ง แล้วคุณละ ถ้าซื้อมาผมจะเขียน รีวิวกันอีกทีนะครับ ที่สำคัญผมอ่านไปอ่ามาไปเจออาชีพที่แปลกอีกอาชีพหนึ่ง คือนักเหลาดินสอ แท่งหนึ่งประมาณ 40 เหรียญอเมริกาแหนะ ประมาณ 1300 บาทไทย ไม่น่าเชื่อเลยครับ ว่างๆจะมาเล่าให้ฟังครับ




ข้อมูลว่าดินสอนี้ดียังไงนะครับ

1.ปกติดินสอจะประกอบด้วย แกร์ไฟต์ ,ดิน clay และ เลือบด้วย wax ถ้าแกร์ไฟต์มาก สีของดินสอจะเข้มและดินสอเขียนแลัวจะนุ่ม แต่ที่ต้องใส่ดินไปด้วยเพราะจะทำให้ผงแกร์ไฟต์ติดกัน ถ้าใส่ดินมากไปดินสอจะแข็งและสีของดินสอจะอ่อน ส่วนwax จะทำให้ดินสอเขียนแล้วลื่น ถ้าไม่ใส่waxดินสอจะเขียนสะดุด ดินสอ Blackwing 602 น่าจะมีส่วนผสมแกร์ไฟต์ที่สูงเลยใช้แรงกดน้อย และนุ่มลื่น พูดง่ายๆส่วนผสมนั้นลงตัวพอดีไม่ขาดไม่เกิน

2. มียางลบที่เป็นเอกลักษณ์ ขนาดใหญ่เป็นแท่งสี่เหลี่ยม สามารถเปลี่ยนยางลบได้ และเวลาลบยางลบหัวไม่หลุด และ ยางลบที่ท้ายสามารถใช้ได้จริงเพราะมีขนาดใหญ่ ที่สำคัญเวลาวางแล้วดินสอไม่หมุนหรือหล่นจากโต

3.ใน สมัยก่อนดินสอจะมีสีเหลืองหรือสีเนื้อไม้แต่ยี่ห้อนี้เค้าออกแบบให้มีสีเทาซึ่งแปลกไม่เหมือนใครแล้วดูเรียบหรู


ก่อนจะจบขอเล่าประวัติ ดินสอ Blackwing 602 คร่าวก่อนนะครับ แลัว ใครอยากรู้เรื่องราวลึกๆผมก็จะมีลิ้งก์ ให้ไปหาข้อมูลเพิ่ม เค้าคุยกันเป็นชุมชนคนรักดินสอยี่นี้กันเลย555


DSCF0013
รุ่น orignal เลยครับ

บริษัท Eberhard Faber เป็นบริษัทที่ถูกก่อตั้งในเยอรมัน ในปี1903 และผลิตดินสอจนปี 1998 แล้วก็เลิกผลิตไป ในสมัยก่อนมีนักเขียนการ์ตูน Shamus Culhance คนที่เขียนเรื่อง Snow White, Chuck Jones คนที่วาดรูป Tom and Jerry ,John Steinbeck นักเขียน และ  Quincy Joens นักแต่เพลง หลังจากเลิกผลิตไปแล้ว ก็มีเสียงเรียกร้องจากคนที่รักดินสอ Blackwing 602 ให้มีการผลืตขึ้นอีกแต่ก็ไม่สำเร็จ



จนในปี 2010 บริษัท Cal Cedar and Pencils .com ได้มีการซื้อลิขสิทธิ์จาก Eberhard Faber แล้วผลิตขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังไม่เหมือนดินสอ Blackwing รุ่นเก่าจึงได้มีการทำให้ส่วนผสมให้เหมือนมากขึ้นในปี 2011ได้มีการผลิดรุ่ยใหม่ออกมาโดยใช้ชื่อ Palomino Blackwing 602  และได้รับการยอมรับจากคนทีเป้นแฟนตัวยงของดินสอยี่ห้อนี้ว่าเขียนได้เหมือนดินสอรุ่นเก่ามาก

สนใจที่จะอ่านเรื่องราวต่อได้ในนี้นะครับ กดได้เลย Original Blackwing 602



คนรักดินสอ
www.facebook.com/pencil2pen
http://pencil-pens.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Zebra DelGuard ไส้ดินสอไม่มีวันหัก

ย้ายบ้านใหม่ครับ ตามมาที่ www.pencil2pens.com


ดินสอกด Zebra DelGuard


วันนี้ก็มาถึงดินสอมหัศจรรย์ ผมเรียกว่าดินสอคงกระพัน ตกก็ไม่เป็นรอย หักก็หักไม่ได้ เว่อร์แน่ๆใช่ไหมผมไม่ได้เว่อร์แต่ผมหมายถึงดินสอที่ไส้ดินสอไม่หักอะดิ ไม่ใช่ไส้ดินสอแบบพิเศษ แต่ดินสอกดมันมีระบบโช้ค ลดแรงกระแทกที่จะทำให้ใส้ดินสอหัก

มาดูที่ระบบของเค้าซะก่อนนะครับ

1. สปริงหรือโช้ค ตัวแรกจะทำงานเมื่อรับแรงกดจากแนวดิ่งดูส่วนที่ทำงานตรงสีส้มนะครับ ถ้างงเดี๋ยวดู วีดีโอกันนะครับ 

2. สปริงหรือโช้ค ตัวที่สองจะทำงาน เมื่อรับแรงจากแนวนอน


งงอยู่ใช่ไหม ปกติไส้ดินสอจะหักเพราะเกิดการงัดกันระหว่างไส้ดินสอกับปลายของหัวดินสอกดเนื่อง จากแรงกดในแนวนอน หรือ เมื่อไส้ดินสอรับแรงกดในแนวดิ่ง ไส้จะหักเนื่องจากรับแรงไม่ได้ ระบบนี้สปริงจะเหมือนโช้คช่วยผ่อนแรงและในขณะกด

ขณะเดียวกันปลอกของหัวดินสอจะเลื่อนขึ้นลงได้ด้วยเพื่อช่วยรับแรงกดและป้องกันไม่ให้ไส้ดินสอหักด้วย

ผมว่าคนคิดนี่เก่งมากๆเลยนะครับ สงสัยจะว่างมากนะครับ ใครที่มือหนักๆชอบซาดิสต์น่าจะหลงรักแรกพบเลยแหละ เค้าบอกว่ารับแรงกดได้มากถึง 5 กิโลกรัมเลยทีเดียวครับ




ในประเทศญี่ปุ่นขายราคาประมาณ 450 เยนหรือประมาณแท่งละ 140 บาท ซึ่งจะมีให้เลือกด้วยกัน 6 สี คือสีดำ, สีขาว, สีน้ำเงิน, สีฟ้า, สีเขียว และสีชมพู  ผมได้แท่งนี้จาก eBay ที่ 340 บาทรวมส่งถึงบ้านแม่ผมนะครับ ไม่ค่อยยากจะมีปัญหากับภรรยา คุยกับคุณแม่ตอบง่ายกว่ามากกก


                                              มาดูวีดีโอกันน่าจะเข้าใจกันมากขึ้น






มาดูกันชัดๆครับ

ผมสั่ง Zebra DelGuard สีขาวมานะครับ ถามว่าทำไม เพราะตอนนี้เทรนสีขาวมาแรงครับ และผมแทบจะไม่มีดินสอกดสีขาวเลยครับ แล้วหาดินสอกดสีขาวยากซะด้วยสิครับ มีแต่สีใสมีเยอะมากครับ


สุดท้ายว่าจะถ่ายรูปตั้งแต่เปิดซองกันทีเดียว แต่ไม่ทันละแม่ผมเปิดดูซะก่อน สงสัยอยากลุ้นด้วยมั้ง555
กล่องมาสวยงามมากครับเป็นพลาสติกใส รูปไข่ ตอนแกะก็งงอยู่นานพอดีมีสติกเกอร์ด้านหลังบอกให้ push ผมก็กดแล้วกดอีก พยายามดันออกมา ปรากฎว่าต้องดึงสติกเกอร์ออกก่อนแล้วค่อยกดนะ ฉลาดไหมคร้าบบบบ วัยรุ่นเซ็ง


จับแก้ผ้าซะเลย ลองดูส่วนประกอบนะครับ มีทั้งหมดสี่ชิ้น หัวกลไกลเป็นโลหะแข็งแรงดี ตัวด้ามเป็นพลาสติก สีขาว สีที่ด้ามไม่ค่อยสม่ำเสอเลยอะ มีเส้นๆตามแนวยาวด้วยอะ แต่ถ้าไม่สังเกตุจะไม่ค่อยเห็นเท่าไร

กำลังแสดง 20150426_233636.jpgนึกในใจที่ญี่ปุ่นด้ามละ140บาทจะเอาอะไรมากฟะ จริงๆงานวัสดุดี เรียบร้อย เหลือบไปเห็น Made in Japan นี่หน่า ปกติถ้าเป็นเทคโนโลยีแปลกๆเค้าจะผลิตในญี่ปุ่นเท่านั้นครับ ที่ผมกังวลอีกจดหนึ่งก็คือตรงที่เหน็บดินสอดูอ่อนแอพิลึก กลัวว่าจะหักในบัดดล แต่ก็เหน็บได้แบบไม่หล่นแบบว่าอ่อนแอแต่รักษาหน้าที่ได้ไม่ตกหล่น


น้ำหนักเบาไปนิดครับ สาวๆคงชอบ หนุ่มคงผิดหวังเล็กน้อยก็พี่ยุ่นใช้วัสดุเป็นพลาสติกเกือบทั้งหมดนี่พี่ มีโลหะเฉพาะกลไกลการกดเท่านั้น ผมเขียนไปถาม Zebra เลยว่า ให้ผมออกแรงกดได้ถึง 5 กิโลกรัม ไม่กลัวดินสอหักคามือเหรอเดี๋ยวก็เสียชื่อเอาหรอกลูกพี่ พี่ยุ่นตอบกลับมาว่าหักแล้วค่อยมาบ่น ไม่เห็นใครถามแบบนี้เลยนะท่านลูกค้า แล้วพี่ยุ่นก็หลุดปากมาว่า ออกแบบให้รับแรงกดถึง 5 กิโลถ้าทำดินสอหนักแล้วกดได้ไม่ถึง 5 กิโล ใครจะรับผิดชอบ แล้วผมก็จบการสนทนาแบบลูกมาปลุกพอดีี555

กำลังแสดง 20150427_000303-1.jpgและแล้วก็ถึงเวลามาทดสอบความคงกระพันกันแล้วครับ จะ ทดสอบแบบธรรมดาก็เกินไป จะไปลองเขียนแบบกดบนตาชั่งก็จะเกินกว่าเหตุเพราะจะดูว่าแรงกดถึง5กิโลไหม เอาแบบจับธรรมดาก็กล้วแรงกดได้ไม่ถึง 5 กิโล กำดินสอแล้วกดแบบไม่ยั้งแล้วลองเขียนดู ปรากฎว่าไม่หักสมคำลำ่ลือจริงๆ แต่ถ้าคนที่กดหนักๆต้องทำความคุ้นเคยกับการที่ไส้ดินสอหดเข้าหดออกนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน                                                                                   

บทสรุป ยังไงก็ต้องซื้อสำหรับคนสะสมดินสอนะครับ เพราะกลไกลแบบนี้ ไม่มีในยี่ห้ออื่น ที่สำคัญดินสอกดนี้ได้รับรองจากสมาคมดินสอกดแห่งประเทศไทย (สมาชิกคือผมคนเดียว555) ถ้าคนไม่สะสมก็ซื้อได้ เพราะงานก็สวยดี แถมเอาไปอวดเพื่อนๆได้ด้วยครับ ลืมบอกไปครับเค้ามีขนาดไส้ดินสอแค่0.5mm เท่านั้นนะครับ ถ้ามีขนาดอื่นก้ของปลอมชัวร์                                                                                                                                                                                                                                                        

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ดินสอกดแห่งตำนาน Rotring

ย้ายบ้านใหม่ครับ ตามมาที่ www.pencil2pens.com

ดินสอกดแห่งตำนาน Rotring




ดินสอ Rotring Tikky เริ่มผลิตในปี 1979 หรือ 2522

Rot – Ring ไม่ใช่อ่านว่า รอทติ้งนะครับ ยิ่งแต่ก่อนผมนึกว่าเขียน แบบนี้ครับ Rotting ใครที่เรียกชื่อผิดแต่แรกน่าเตะชะมัด  จริงแล้วถ้าเราสังเกตว่ามีตัวRอีกตัวซ่อนอยู่ ก็ไม่น่าอ่านว่ารอทติ้งเห็นด้วยไม้ครับ


ซึ่งคำว่า Rot  (อ่านว่า โรท ) = สีแดง

Ring (อ่านว่า ริง) = วงกลม


พออ่านรวมกันมันจึงอ่านว่า โรท – ริง  ซึ่งแปลว่า วงกลมสีแดงนั่นเอง ลองสังเกตดูสิครบว่าดินสอหรือปากกาทุกแท่งจะมีวงกลมสีแดงเป็นตัวแทนของสัญลักษณ์อยู่ ผมก็พึ่งสังเกตอยู่เหมือนกัน แต่ก่อนชอบก็ซื้อ ไม่ได้สนใจประวัติหรือรายละเอียดอื่นๆกันเลย พอมาเขียนหาเพื่อน ก็กลัวเค้าจะหาว่าเป็นเต่าตุ่นก็ต้องหาข้อมูลบ้าง ตอนนี้ผมยังหาคนที่มาแชร์เรื่องราวดินสอกดกับผมยังไม่มีเลย อยากร้องไห้ เขียนเองอ่านเองละกัน สู้ต่อไป ไอ้มดแดงงงง

rotring 1988 (Sweden) catalog, page 17

บริษัท Rotring เป็นของเยอรมัน และ มี ประวัติอันยาวนาน มากครับ บริษัทได้ก่อตั้งในปี 1928 ในชื่อ Tintenkuli Handels GmbH และเปลี่ยนชื่อเป็น Rotring ในช่วงทศวรรษ 70 เพื่อให้สอดคล้องกับเครื่องหมายการค้า ในปี ค.ศ. 1998 โรทริงถูกบริษัท Newell Rubbermaid จากสหรัฐฯ เข้าซื้อกิจการ และได้รับอิทธิพลการออกแบบจากโรงเรียน  Bauhaus ของเยอรมันที่จะนำศิลปะมาใช้ในการออกแบบสินค้าอุตสาหกรรมโดยออกแบบให้เรียบง่ายที่สุดและยังใชังานได้ดี

 “The Bauhaus School of Art & Design thinks of art into industry. Good design became defined by minimalism and simplicity, this thinking and aesthetic approach to design has had a huge influence on rOtring design". 



ดินสอ Rotring มีทั้งหมด 3 รุ่น

1.ดินสอ Rotring Tikky  first generation ผลิตในปี 1979 ถึง1996 

Tikky
1979 - 1996

2.ดินสอ Rotring Tikky second generation ผลิตในปี 1997 ถึง2007   


Tikky II
1997- 2007
3.ดินสอ Rotring Tikky third generation ผลิตในปี 2008 ถึง ปัจจุบัน   


Tikky (2008)
2008-ปัจจุบัน






จริงๆดินสอกด Rotring ยังมีอีกหลายรุ่นที่ไม่ใช้ ชื่อ Tikky เค้าเรียกว่า Non Tikky series จะใช้ชื่อว่า T, TS slide จะใช้สำหรับมืออาชีพ เช่นงานเขียนแบบ, เขียนรูป และ อื่นๆ ผมว่ามันก็ใช้ได้เหมือนกันหมด ผมกับมองไปที่ขนาดของไส้ดินสอซะมากกว่าว่าเหมาะกับงานประเภทไหน รุ่น professional น่าจะเป็นเรื่องของวัสดุที่ดีกว่ารุ่นธรรมดาซะมากกว่า

ส่วนของรุ่นTikky ยังมีอีกหลายรุ่นซิ่งผมเองก็พึ่งจะรู้ว่าเค้ามีการผลิตรุ่นนี้ออกมาด้วย และบางรุ่นผมคิดว่าไม่น่าจะมีขายในเมืองไทยนะครับ ผมพยายามหาว่า Tikky ในภาษาของเยอรมันแปลว่าอะไร แต่ผมก็หาไม่เจอครับ ผมเดานะครับ ว่าTikky น่าจะหมายถึง เสียงของการกดดินสอแล้วเสียงดังคริ้กๆมั่วเอาละกันครับ

1. Tikky standard
2. Tikkyspecial
3. Tikky automatic
4. Tikky double push
5. Tikky metallic
6. Tikky metal double push


rotring Tikky special

    ROTRING TIKKY SPECIAL



rotring Tikky II 0.5

TIKKY II


ROTRING T



rotring TS slide

TS SLIDE


rotring Tikky double push

 TIKKY DOUBLE PUSH


rotring 400

  ROTRING 400 (TIKKY METALLIC DOUBLE PUSH)


คราวนี้เรามาดูกันนะครับว่าแต่ละรุ่นจะมีความแตกต่างอย่างไรนะครับ


จากรูปเริ่มจากล่างขึ้นข้่งบน รุ่นหนึ่ง,สอง,สามตามลำดับ
ผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่า Rotring รุ่นแรกอยู่กับผมมานานามากกว่า 10 ปีแล้วและผมได้ปลดประจำการไปแล้ว รุ่นแรกนี่ผลิตในเยอรมันแน่นอนครับ โชคดีที่ไม่หายนะครับ และผ่านสมรภูมิมาพอสมควร
ตัวหนังสือที่screenบนแท่งดินสอก็หายหมดแล้ว โครเมี่ยมที่หัวดินสอกดก็ลอกพอสมควรแต่เชื่อไหมว่ายังใช้งานได้ดีไม่เคยบ่นหรือเกเรต่อหน้าที่เลยซักครั้งครับ จริงแล้วผมก็หาไม่เจอมานานแล้ว วันหนึ่งผมกำลังเก็บบ้าผมก็ได้พบเนื้อคู่ที่เคยเป็นคู่จิ้นกันมาหลายปี ผมไปเจอในกล่องดินสอที่เกือบจะทิ้งอยู่แล้วครับ555 แต่ในตอนนั้นผมยังรักเดียวใจเดียวใจเดียวอยู่และไม่ได้มีการเก็บสะสมบ้าบอเหมือนวันนี้ 



วันนี้ผมจะเขียนรีวิวแบบรวมนะครับว่าแต่ละรุ่นแตกต่างอย่างไร โดยผมจะแบ่งเป็นรุ่น 1,2,3 ตามปีที่ผลิตตามข้างบนนะครับ

น้ำหนัก ของ โรทริง หรือ ร้อทติ้ง รุ่นที่หนึ่งจะเบาที่สุด รองลงมาก็รุ่นสองและสามตามลำดับ แรกๆผมก็ว่าน้ำหนักรุ่นแรกเบาเกินไปครับ เพราะถนัดและเคยชินกับดินสอที่มีน้ำหนักแบบรุ่นใหม่ในปัจจุบัน จนเราลืมความเบาสบายแบบไม่เคยมีมาก่อน มาโฆษณาให้เขาอีกละ แต่ตอนเขียนผมกลับชอบรุ่นแรกมากที่สุดเมื่อเทียบทั้งสามรุ่น ผมว่าเค้าออกแบบมาดีมากครับ จับถนัดมือ แล้วที่หัวดินสอยาวเรียวเล็กทำให้คล่องตัว แต่แรกๆก็จะรู้สึกว่าทำไมดินสอเวลาเขียนถึงได้สูงๆห่างจากส่วนของมือที่สัมผัสกับกระดาษมาก แต่ เวลาเขียนเขียนได้ดีลื่นไหล แม้จุดศูนย์ถ่วงของดินสอจะอยู่สูงกว่าปกติแต่ข้อดีคือดินสอแบบนี้จะดีในการเขียนแบบและเวลาใช้คู่กับไม้บรรทัดหรือใช้อุปกรณืเขียนแบบ แต่ผมไม่แน่ใจสำหรับฝรั่งจะชอบหรือถนัดไหมกับดินสอกดที่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กๆแบบนี้ ลองดูขนาดของ Rotring กับ ดินสอกด Mono Graph ( ระบบเขย่า)ของ Tombow ที่ผมใช้อยู่ประจำ ว่างๆจะมารีวิวให้ฟังนะ ดูแล้วเหมือนพ่อกับลูกเลย Rotring รุ่นแรกมีขนาดเล็กมากๆอย่างเห็นได้ชัด


เทียบขนาดกับดินสอกด MONO ที่ใช้ประจำ

การ Balance ทำได้ดีไม่หนักหัวหรือท้ายจนเกินไปเขียนแล้วไม่รู้สึกว่าสะดุด ถ้าเรียงลำดับตามความชอบส่วนตัวของผม ผมชอบรุ่นหนึ่งมากที่สุด รองลงมากลับเป็นรุ่นสาม และ รุ่นสอง ตามลำดับ ทำไม
เหรอครับ รุ่นหนึ่งไม่ต้องพูดกันมากมายแลัว  แต่รุ่นสองกับสาม รุ่นสองน่าจะดีกว่า เพราะขนาดใหญ่กว่ารุ่นหนึ่งแต่เล็กกว่ารุ่นสาม หัวดินสั้นกว่ารุ่นหนึ่งแต่ก็เท่ากับรุ่นสาม ที่ดีกว่าเพราะลองสังเกตุสิรุ่นสามจะไม่ได้เป็นทรงกลมตลอดทั้งแท่งแต่จะเป็นทรงสามเหลี่ยมที่ส่วนปลาย ดูจากในรูปสิมีใครสังเกตุบ้างไหม การออกแบบ แบบนี้ทำให้ล็อคติดกับมือทำให้ไม่ลื่น แล้วมั่นคงเวลาเขียน ว่าไปนั่นขนดนั้นเลยเหรอ คำตอบ "ใช่"ครับ















วัสดุ ผมว่าทุกตัวดูดีหมดนะครับ น่าจะทนอยู่เพราะดูแล้วไม่แตกต่างจากรุ่นหนึ่งเท่าไรครับ แต่ผมชอบรุ่นสามมากที่สุดตรงด้ามจับ ที่มีส่วนผสมของยางอ่อนกับแข็งตรงส่านที่จับ เวลาเขียนจะนุ่มมือ แต่ด้ามจับเขียนที่เป็นวงแหวนของรุ่นสองกับสามก็ไม่รู้สึกเจ็บมือ แต่ที่เขียนตรงนี้เพราะชอบความละเอียดและใส่ใจในการออกแบบของเค้าอะครับ


ยางนิ่มๆส่วนที่สีเทา

ระบบกลไก รุ่นหนึ่งจะเป็นทองเหลืองทั้งหัวกลไกล ส่นรุ่นสองและสามจะมีส่วนผสมของพลาสติกที่หัวกลไกลด้วยครับ เวลาใส่หัวกลไกดินสอ รุ่นหนึ่งใส่แบบกดเข้ากับตัวด้ามได้เลยจะมีเขี้ยวล้อคเล็กๆอยู่ข้างใน แต่ในรุ่นสองและสามจะเป็นเกลียวเพื่อหมุนให้หัวกลไกดินสอกับด้ามจับหมุนเข้าหากัน ผมว่ารุ่นหนึ่งน่าจะทนที่สุดถ้าดินสอไม่หายไปซะก่อน


รุ่นหนึ่ง
   

รุ่นสอง 
       
รุ่นสาม

Clipหนีบดินสอ รุ่นหนึ่งดูงานสวยสุด ตัวหนังสือชัดเจน แต่ทุกรุ่นก็แข็งแรงและหนีบกับกระเป๋าเสื้อได้แน่นหนาดีครับ


รุ่นหนึ่ง
รุ่นสอง
รุ่นสาม

ถ้าถามว่าชอบรุ่นไหมมากที่สุด ก็ต้องบอกรุ่นหนึ่งเพราะ ทรวดทรงองค์เอวดูอ่อนช้อยและงดงามมากที่สุดแล้วครับ แล้วเค้าเป็นตำนานไปแล้ว ถ้าใครเคยอยู่ในยุคของผมประมาณ 20 กว่าปีก่อน จะเข้าใจว่าใครก็อยากมีเค้าไว้พกซักด้ามมันเท่ห์จริง ยังจำวิธีควงดินสอกันได้ไหมครับ ผมนี่หมุนดินสอแบบเทพๆเลยสมัยนั้น

ถ้าคนที่ชอบสะสมก็น่าจะมีให้ครบทั้งสามรุ่น หรือถ้าเวลามีเหลือก็หารุ่นแปลกมาครอบครองไปด้วยเลยครับ 

ถ้าอยากได้ก็หาในอ่าวเลย (ebay) บ้านเราก็มีคนขายรุ่นหนึ่งประมาณสามร้อยกว่าบาท สมัยนั้นเท่าที่จำได้ประมาณด้ามละ 90 บาท รีบนะครับก่อนที่จะหาไม่ได้นะตัวเอง555



คนรักดินสอ
www.facebook.com/pencil2pen
http://pencil-pens.blogspot.com/